ขอบคุณรูปภาพจาก : colorful.bigbangfish.com
รอยยิ้มนั้นสำคัญไฉน… บทความนี้ต้องการส่งสารไปยังกลุ่มคนที่บางครั้งมักถูกคนรอบข้างนินทาหรือมาพูดด้วยตรงๆนี่แหละว่า
“เธอๆ ทำไมหน้าโหดจัง” “นายเกิดมาเคยยิ้มบ้างไหม”
หรือแม้กระทั่งกล่าวหาว่าเราเป็นคนหยิ่งยโสซะอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าความจริงแล้วข้างในเราอาจจะเป็นคนจิตใจดีและพร้อมที่จะเป็นมิตรกับทุกคน
แต่เมื่อการแสดงออกทางกายภาพซึ่งในที่นี้หมายถึงการแสดงออกทางสีหน้า
กับความรู้สึกภายในจิตใจมันสวนทางกัน เราจึงควรปรับปรุงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราสักเล็กน้อย
โดยที่อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนถึงขนาดที่เรารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่อย่างน้อยการที่เราฝึกยิ้มบ่อยๆ ยิ้มให้กับทุกคนที่เข้ามาในชีวิต
อาจจะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปเลยก็ได้!
คุณอาจจะได้มิตรภาพใหม่ๆที่คาดไม่ถึง
สำหรับคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวก็มีโอกาสที่เพื่อนใหม่ๆจะเข้ามาหาคุณมากขึ้น
เพราะรอยยิ้มของคุณจะทำให้คุณดูเป็นคนมีบุคลิกภาพที่ดี
และทำให้คนรอบข้างกล้าที่จะเข้ามาทำความรู้จัก หากไม่เชื่อ…คุณก็ลองนึกภาพตามดูว่า
หากคุณต้องเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับคนๆหนึ่ง คุณอยากเป็นเพื่อนกับใครมากกว่ากันระหว่างคนที่หน้าตาบึ้งตึง
ไม่พูดไม่จา หรือคนที่ยิ้มแย้ม และดูเป็นมิตร แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ต้องการเป็นเพื่อนกับคนที่ยิ้มแย้มอยู่แล้ว
เพราะการยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดใจ การเป็นคนใจดี
และเป็นคนที่มีทัศนคติด้านบวก ซึ่งเมื่อคุณมีเพื่อนเยอะมากขึ้น
ก็จะทำให้คุณมีเครือข่ายทางสังคมมากขึ้นและสามารถนำไปต่อยอดทางด้านการงานหรือด้านอื่นๆได้นั่นเอง
ส่วนคนกำลังมีความรักประเภทรักข้างเดียวและแอบชอบเขาอยู่ห่างๆ ขอแนะนำว่าให้คุณลองสร้างความกล้าให้ตัวเองสักครั้ง เดินเข้าไปชวนเขาคุยด้วยรอยยิ้มที่คุณคิดว่าจริงใจและเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่แน่นะ…การแอบรักครั้งนี้อาจจะไม่ต้องกินแห้วเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาก็ได้ หรือหากคุณยังไม่กล้า ก็ลองพยายามหาโอกาสไปอยู่ใกล้ๆเขาคนนั้น และพยายามสร้างรอยยิ้มที่มาจากใจให้กับคนอื่นรอบตัวคุณบ่อยๆ บางทีเขาอาจจะกำลังมองมาที่คุณพอดีและกำลังหลงเสน่ห์กับรอยยิ้มของคุณเข้าแล้วก็ได้นะ
แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาของหลายคนที่มีความคล้ายคลึงกันกันก็คือข้างในนั้นยิ้มอย่างสุดพลัง แต่คนอื่นมองมาก็ยังหาว่าเราหน้านิ่งสงบ ไม่ไหวติง คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกยิ้มกับตัวเองหน้ากระจกทุกวันหรือเท่าที่มีเวลา โดยขอแนะนำว่าให้เป็นตอนเช้าก่อนที่คุณจะออกจากบ้านไปเจอผู้คน ลองยิ้มกับตัวเองดู ยิ้มออกมาด้วยความจริงใจและไม่ให้ดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้ม ลองจินตนาการว่าคนในกระจกคือคนที่เราอยากเป็นเพื่อนกับเขา เป็นคนที่เราอยากรู้จัก คุณจะยิ้มอย่างไรที่จะทำให้เขาประทับใจในครั้งแรกที่เจอ ที่สำคัญที่สุดคือดวงตา…บางคนที่ฝืนยิ้มจะสามารถดูได้จากดวงตาที่แข็งและไม่คล้อยตามไปกับรอยยิ้มที่สร้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นเวลาที่ปากยิ้ม ดวงตาก็ต้องยิ้มตามด้วยเช่นกัน
ส่วนคนกำลังมีความรักประเภทรักข้างเดียวและแอบชอบเขาอยู่ห่างๆ ขอแนะนำว่าให้คุณลองสร้างความกล้าให้ตัวเองสักครั้ง เดินเข้าไปชวนเขาคุยด้วยรอยยิ้มที่คุณคิดว่าจริงใจและเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่แน่นะ…การแอบรักครั้งนี้อาจจะไม่ต้องกินแห้วเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาก็ได้ หรือหากคุณยังไม่กล้า ก็ลองพยายามหาโอกาสไปอยู่ใกล้ๆเขาคนนั้น และพยายามสร้างรอยยิ้มที่มาจากใจให้กับคนอื่นรอบตัวคุณบ่อยๆ บางทีเขาอาจจะกำลังมองมาที่คุณพอดีและกำลังหลงเสน่ห์กับรอยยิ้มของคุณเข้าแล้วก็ได้นะ
แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาของหลายคนที่มีความคล้ายคลึงกันกันก็คือข้างในนั้นยิ้มอย่างสุดพลัง แต่คนอื่นมองมาก็ยังหาว่าเราหน้านิ่งสงบ ไม่ไหวติง คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกยิ้มกับตัวเองหน้ากระจกทุกวันหรือเท่าที่มีเวลา โดยขอแนะนำว่าให้เป็นตอนเช้าก่อนที่คุณจะออกจากบ้านไปเจอผู้คน ลองยิ้มกับตัวเองดู ยิ้มออกมาด้วยความจริงใจและไม่ให้ดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้ม ลองจินตนาการว่าคนในกระจกคือคนที่เราอยากเป็นเพื่อนกับเขา เป็นคนที่เราอยากรู้จัก คุณจะยิ้มอย่างไรที่จะทำให้เขาประทับใจในครั้งแรกที่เจอ ที่สำคัญที่สุดคือดวงตา…บางคนที่ฝืนยิ้มจะสามารถดูได้จากดวงตาที่แข็งและไม่คล้อยตามไปกับรอยยิ้มที่สร้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นเวลาที่ปากยิ้ม ดวงตาก็ต้องยิ้มตามด้วยเช่นกัน
หากคุณยิ้มให้กับตัวเองและทำตัวเองให้สดใสทุกเช้าก่อนออกจากบ้านแล้ว
ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่วันนั้น คุณจะสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนอื่นด้วยรอยยิ้มได้เช่นกัน
การยิ้มไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่เริ่มต้นด้วยการยิ้มจากใจส่งออกมาสู่ภายนอก
เพียงแค่นี้รอยยิ้มเหล่านั้นอาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณเลยก็ได้!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น