แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเป้าหมายที่ตั้งไว้และอยากที่จะไปให้ถึง
แต่จะมีสักกี่คนที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ตามที่ตั้งไว้
บางคนอาจเหนื่อยและท้อระหว่างทางและต้องล้มเลิกความพยายามไป
บางคนมองไม่เห็นเป้าหมายของความสำเร็จที่ชัดเจนก็เป็นเหตุให้ยอมแพ้อย่างง่ายๆเช่นกัน
ดังนั้นในบทความนี้ จึงได้นำ 3 วิธีสะกดจิตตนเองเพื่อทำให้การเดินไปสู่ความสำเร็จมีความง่ายดายยิ่งขึ้น
1. สะกดจิตตนเองด้วยการสร้างภาพเป้าหมายให้ชัดเจนที่สุด
สำหรับบางคนที่รู้สึกเหนื่อยและถอดใจระหว่างทาง เป็นเพราะการจินตนาการภาพแห่งความสำเร็จไม่ชัดเจนมากพอ บางคนขาดความเชื่อในความสำเร็จนั้น บางคนไม่สามารถเห็นภาพความสำเร็จนั้นได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงทำให้ละความพยายามไป วิธีการก็คือ สร้างภาพความสำเร็จให้มีความชัดเจนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือเราต้องมีความเชื่อว่าความสำเร็จนั้นได้เกิดขึ้นกับตัวเราเรียบร้อยแล้ว โดยให้นึกภาพตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางความสำเร็จนั้น และทำให้ภาพนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยการใส่แสง สี เสียง เข้าไปในจินตนาการของเรา และที่สำคัญคือการใส่ความรู้สึกของเราเข้าไปว่ารู้สึกเช่นไรขณะที่ยืนอยู่ในภาพความสำเร็จนั้น
ยิ่งเราทำให้ตัวเองเชื่อได้มากเท่าไหร่ว่าความสำเร็จมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ก็ยิ่งมีโอกาสมากเท่านั้นที่ความสำเร็จจะกลายเป็นจริง ยกตัวอย่างเรื่องการเรียน เช่น เรามีเป้าหมายว่าเทอมนี้ต้องการที่จะได้เกรดมากกว่า 3.5 เราต้องเริ่มขั้นตอนการสร้างภาพเป้าหมาย โดยให้ลองจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในวันประกาศผลการเรียนและเราเห็นเกรดเฉลี่ย 3.5 เขียนอยู่บนใบรายงานผลการเรียน ในจินตนาการนั้นเรารู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่เราสร้างภาพและความเชื่อดังกล่าวให้กับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ให้เรานึกถึงภาพเหล่านั้นอยู่เสมอๆ ทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นขณะที่เราอ่านหนังสือ ขณะที่เราไปเที่ยวกับเพื่อน หรือขณะที่เรารู้ขี้เกียจ เพราะความเชื่อว่าเราได้ 3.5 นั้นจะทำให้เรามีความมุ่งมั่นมากขึ้น และจะกำหนดแนวทางของตัวเราเองให้ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับบางคนที่รู้สึกเหนื่อยและถอดใจระหว่างทาง เป็นเพราะการจินตนาการภาพแห่งความสำเร็จไม่ชัดเจนมากพอ บางคนขาดความเชื่อในความสำเร็จนั้น บางคนไม่สามารถเห็นภาพความสำเร็จนั้นได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงทำให้ละความพยายามไป วิธีการก็คือ สร้างภาพความสำเร็จให้มีความชัดเจนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือเราต้องมีความเชื่อว่าความสำเร็จนั้นได้เกิดขึ้นกับตัวเราเรียบร้อยแล้ว โดยให้นึกภาพตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางความสำเร็จนั้น และทำให้ภาพนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยการใส่แสง สี เสียง เข้าไปในจินตนาการของเรา และที่สำคัญคือการใส่ความรู้สึกของเราเข้าไปว่ารู้สึกเช่นไรขณะที่ยืนอยู่ในภาพความสำเร็จนั้น
ยิ่งเราทำให้ตัวเองเชื่อได้มากเท่าไหร่ว่าความสำเร็จมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ก็ยิ่งมีโอกาสมากเท่านั้นที่ความสำเร็จจะกลายเป็นจริง ยกตัวอย่างเรื่องการเรียน เช่น เรามีเป้าหมายว่าเทอมนี้ต้องการที่จะได้เกรดมากกว่า 3.5 เราต้องเริ่มขั้นตอนการสร้างภาพเป้าหมาย โดยให้ลองจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในวันประกาศผลการเรียนและเราเห็นเกรดเฉลี่ย 3.5 เขียนอยู่บนใบรายงานผลการเรียน ในจินตนาการนั้นเรารู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่เราสร้างภาพและความเชื่อดังกล่าวให้กับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ให้เรานึกถึงภาพเหล่านั้นอยู่เสมอๆ ทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นขณะที่เราอ่านหนังสือ ขณะที่เราไปเที่ยวกับเพื่อน หรือขณะที่เรารู้ขี้เกียจ เพราะความเชื่อว่าเราได้ 3.5 นั้นจะทำให้เรามีความมุ่งมั่นมากขึ้น และจะกำหนดแนวทางของตัวเราเองให้ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
2. สะกดจิตความคิดให้กลายเป็นบวก
ความคิดคนเรานั้นเป็นเสมือนกลไกขับเคลื่อนชี้นำให้เราทำสิ่งต่างๆ หรือ
ดึงดูดสิ่งต่างๆเข้ามาหา
หากเราคิดถึงแต่สิ่งดีๆ มองโลกในแง่บวก ก็จะมีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น
แต่ถ้าคุณคิดถึงแต่ด้านลบ และมองแต่เรื่องๆร้าย
คุณก็จะดึงดูดสิ่งแย่ๆเหล่านั้นเข้ามาหาคุณ เพราะฉะนั้นการสะกดจิตความคิดของเราทำได้โดยการนึกถึงแต่เรื่องดีๆ
ห้ามมองโลกในด้านลบ และมันจะเป็นผลทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
เพราะพลังงานด้านบวกที่ได้มาจากการมองโลกในแง่ดีจะเป็นตัวผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้สะดวกขึ้น
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณปล่อยให้พลังงานด้านลบเข้าครอบงำ มันจะกลายเป็นตัวถ่วงความสำเร็จของคุณทันที ทุกท่านคงเคยได้ยินคำเปรียบเปรยที่บอกว่า
เหรียญมักมี 2 ด้าน ดังนั้นเรื่องราวต่างๆเราก็สามารถคิดได้ 2
มุมเสมอ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกมองด้านบวกหรือลบ และแน่นอนว่าในแต่ละมุมมองย่อมส่งผลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราในผลลัพธ์ที่ต่างกัน
3. สะกดจิตความรู้สึกดี
การสะกดจิตความรู้สึกเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการสะกดจิตความคิด
โดยที่เราต้องบังคับตัวเองเสมอว่า “ฉันต้องรู้สึกดีเสมอ”
หากมีเรื่องใดที่เข้ามาทำให้คุณผิดหวังหรือรู้สึกโมโห
ให้คุณคิดไว้เสมอว่า “ฉันต้องรู้สึกดี”…เพราะอะไรหน่ะหรือ…เพราะการที่เรารู้สึกดีนั่นก็หมายความว่าเรารับพลังด้านบวกเข้ามา
และอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า พลังงานด้านบวกนั้นช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกแย่และรู้ตัวว่ากำลังถูกพลังงานด้านลบครอบงำ
ให้รีบสะกดจิตความรู้สึกตนเองให้รู้สึกดีทันที
จาก
3 วิธีการสะกดจิตที่ได้ยกมา หากคุณสามารถทำทั้ง 3
วิธีควบคู่กันไปได้ แน่นอนว่าคุณย่อมประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่คุณตั้งไว้อย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น